โรงเรียนดาวรุ่งวิทยาเป็นโรงเรียนคาทอลิก ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 31 ถนนเจ้าฟ้า อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 40 ไร่เศษ เดิมเป็นที่ดินของจีนฮุดอิ้ว (จ.ศ. 128) ต่อมาได้ขายให้กับจีนเจี่ยกี่เต็ก แล้วได้ออกโฉนดที่ดินเลขที่ 111 เมื่อวันที่ 25 พศจิกายน พ.ศ. 2457 มีจำนวนเนื้อที่ดิน 6 ไร่ 2 งาน 25 ตารางวา และต่อมาปี พ.ศ. 2471 ได้ขายให้กับมิสเตอร์แยกโฟ เล็ทตี้ และในปีเดียวกันนี้เอง ได้ขายต่อให้กับบริษัท ระเงงตินไลเอบิลิตี้ เป็นสำนักงานและบ้านพักเรือนไม้ 2 ชั้น รวม 4 หลัง บริษัทได้ดำเนินกิจการเรือขุดแร่ตลอดมา จนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2484 จึงได้ละทิ้งกิจการและอพยพหนีกลับประเทศ รัฐบาลไทยจึงเข้าควบคุมทรัพย์สินของชนต่างด้าวทั้งหมด เมื่อสงครามสงบรัฐบาลได้คืนทรัพย์สินให้ แต่บริษัท ระเงงตินฯ ไม่ขอรับทรัพย์สินคืนเพียงแต่ให้รัฐบาลจ่ายเงินทดแทนให้ โดยมีกรมโลหกิจกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินแทนรัฐบาลไทย
พ.ศ. 2496 รัฐบาลไทยได้ขายทอดตลาดทรัพย์สินฯ ที่ดิน โฉนดที่ดินที่ 111 เนื้อที่ 6-2-52 ไร่ โดยบริษัทอนุภาษและบุตร จำกัด เป็นผู้ประมูลได้ ต่อมาในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2497 บริษัทอนุภาษและบุตร จำกัด (นายสุนทร โสดาบรรลุ โดยรับมอบอำนาจจากนายวิรัช หงษ์หยก ประธานกรรมการ บ.อนุภาษและบุตร จำกัด) ได้ขายให้นายสงวน - นางซิวยิ่ง บิดา-มารดา ของนายปีเตอร์ สิทธิอำนวย เพื่อให้นายปีเตอร์ จัดตั้งสถาบันการศึกษา แต่มีสามารถดำเนินการได้ ประจวบกับคณะบาทหลลวงมิสซังโรมันคาทอลิก มีความประสงค์ จะจัดตั้งโรงเรียนขึ้นในจังหวัดภูเก็ตเช่นกัน และนายปีเตอร์ สิทธิอำนวย จึงได้มอบให้ ฯพณฯ สังฆราช เปโตร คาเร็ตโต ประมุขมิสซังโรมันคาทอลิกเป็นผู้ดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ให้นายปีเตอร์เป็นเจ้าของโรงเรียนในนาม ให้นายศิลป์ ทองตัน เป็นผู้จัดการ และให้บาทหลวง ลีโน อินามา และบาทหลวงเอจีดีโอ ไอรากี เป็นอธิการและรองตามลำดับ และนายประสงค์ ประทีป ณ ถลาง เป็นครูใหญ่ โดยทำการเปิดสอนและรับเฉพาะนักเรียนชาย ครั้งแรกเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2497 มีชั้นประถม 1 จำนวน 3 ห้องเรียน และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 3 ห้องเรียน และได้เปิดสอนเฉพาะภาษาอังกฤษ โดยมีบาทหลวงโจเซฟ เอ็ดเวอร์ด ฟลัด บาทหลวงร็อคโก เจ เลโอติโล บาทหลวงชาร์ล นารานโจ และบาทหลวงเอจีดีโอ ไอรากี เป็นอาจารย์สอน เปิดได้ 2 ปี จึงปิดการสอน ต่อมาวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2518 นายปีเตอร์ สิทธิอำนวย ได้โอนที่ดินโฉนดเลขที่ 111 ให้ ฯฑณฯ สังฆราชเปโตรคาเร็ตโต และในปีเดียวกันนี้เองทางมูลนิธิฯ ได้ซื้อโฉนดที่ดินเลขที่ 113 และ 114 รวม 2 แปลง ซึ่งติดกับที่เดิมโฉนดเลขที่ 111 ที่มีอยู่ก่อนแล้ว รวมเนื้อที่ดินทั้งสิ้นประมาณ 39 ไร่เศษ และวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2502 นายปีเตอร์ สิทธิอำนวย ได้โอนกิจการทั้งหมดให้ ฯฑณฯ สังฆราชเปโตรคาเร็ตโต เป็นเจ้าของโรงเรียน ในนามมูลนิธิฯ และแต่งตั้งให้บาทหลวงโจเซฟ เอ็ดเวอร์ด ฟลัด เป็นอธิการ นายกิจจา อนิวรรตน์ เป็นผู้จัดการ และนายนิวัฒน์ เกษตริยะ เป็นครูใหญ่ ในปีนี้เองได้เริ่มรื้อถอนอาคารเรียนไม้จำนวน 2 หลัง ก่อสร้างตึกคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น และพัฒนาโรงเรียนจนเจริญรุดหน้าอย่างดีตลอดมา ผลการเรียนนักเรียนดีเด่น จนกระทรวงศึกษาธิการรับรองวิทยะฐานะเทียบเท่ารัฐบาล ในปี 2503 นับเป็นเกีรติประวัติที่น่าภูมิใจยิ่ง
ปี พ.ศ. 2523 คณะศิษย์เก่าโรงเรียนดาวรุ่งวิทยา นำโดย นายพรหมินทร์ หงส์บุตร (เบ่งอู่ อิทธิศักดิ์) ได้ขอยื่นเรื่องราวจัดตั้ง “สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนดาวรุ่งวิทยา” ต่อทางราชการเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2523 และได้รับอนุญาตจดทะเบียน ณ หอทะเบียนภูเก็ต เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2525 สมาคมได้ดำเนินกิจการเพื่อสาธารณะประโยชน์ตลอดมานับเป็นความสำเร็จอีกระดับหนึ่ง
ปีการศึกษา 2540 โรงเรียนได้มีการเปลี่ยนแปลง พัฒนาเป็นอย่างมาก เริ่มตั้งแต่การได้รับความช่วยเหลือจากคณะซิสเตอร์ผู้รับใช้ดวงหทัยนิรมลฯ ได้มอบหมายให้ซิสเตอร์ศรีเวียง อาภรณ์รัตน์ มาเป็นครูใหญ่ของโรงเรียน ซิสเตอร์ได้มาช่วยเหลือ ปรับปรุง พัฒนาในส่วนต่างๆ ของโรงเรียน ระบบการบริหารงาน งานวิชาการ กิจการนักเรียน อาคารสถานที่ เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ การดูแลเอาใจใส่นักเรียนให้มีระเบียบวินัย กิริยามารยาทที่เรียบร้อย สัมมาคารวะ มีคุณธรรม จริยธรรมในชีวิตของนักเรียน เพื่อให้พวกเขาเจริญเติมโตขึ้นอย่างมีคุณภาพในสังคม สามารถดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข
สืบเนื่องจากการปรับปรุง พัฒนาโรงเรียนในด้านต่างๆ อย่างเป็นระบบ และต่อเนื่อง ทำให้เห็นความเจริญเติมโต ความก้าวหน้าของโรงเรียนอย่างเด่นชัด ทำให้โรงเรียนเป็นที่ไว้วางใจและยอมรับของผู้ปกครองมากขึ้น จึงทำให้ต้องมีการก่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ และปรับปรุงสถานที่เพื่อรองรับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นทุกปี
เครื่องหมายของโรงเรียน
เครื่องหมายประจำโรงเรียนดาวรุ่งวิทยาอยู่ในวงกลม 2 ชั้น ได้แก่
» ดาวดวงเดียว หมายถึง พระแม่มารีอา ซึ่งเป็นดาวประจำรุ่ง
» พื้นสีน้ำเงิน หมายถึง ความมั่นคงชื่อมั่น
» ดาวห้าดวง หมายถึง รอยแผลศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าของพระเยซูเจ้า
» ดอกลิลลี่ หมายถึง พระแม่มารีอาและนักบุญยอแซฟ องค์อุปถัมภ์ของโรงเรียน
» พื้นสีแดง หมายถึง ความรักใคร่สามัคคีกลมเกลียว
» โล่ห์ปีกธงชาติ หมายถึง ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สีประจำโรงเรียน
สีประจำโรงเรียน
» สีน้ำเงิน หมายถึง ความมั่นคงเชื่อมั่น
» สีขาว หมายถึง ความสะอาด บริสุทธิ์
ต้นไม้ประจำโรงเรียน
ต้นหางนกยูง (Caesalpinia pulcherrima SW. ในวงศ์ Leguminosae) เป็นไม้พู่มชนิดหนึ่ง ให้ความร่มรื่น และร่มเงาแก่ผู้อาศัย ลำต้นและกิ่งมีหนาม ออกดอกสีแดง เหลือง และชมพู ดอกสร้างสีสันสดใส เจริญหูเจริญตาแก่ผู้พบเห็น งอกงามง่ายและเจริญเติมโตได้ในทุกพื้นที่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความก้าวหน้า และเจริญรุ่งเรือง
เอกลักษณ์ของโรงเรียน
โรงเรียนดาวรุ่งวิทยา เป็นโรงเรียนคาทอลิก มีพระเยซูเจ้าเป็นจุดศูนย์รวมแห่งจิตใจ และเคารพต่อพระนางมารีย์ (มารดาองค์พระเยซู) และเป็นหนึ่งเดียวในพระศาสนจักรคาทอลิก มีสมเด็จพระสันตะปาปาเป็นประมุข คณะรอยแผลศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเยซูคริสตเจ้า (Stigmatine) ได้รับมอบอำนาจจากพระสังฆราชให้ดูแลโรงเรียน โดยจัดการเรียนการสอนตามหลักศาสนาที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนรู้ถึงคุณค่าพระวรสาร อาศัยรูปแบบชีวิตของนักบุญกัสปาร์ แบร์โทนี่ ผู้ก่อตั้งคณะรอยแผลศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเยซูคริสตเจ้า ที่มุ่งมั่นในการปฏิบัติตามคำสอนของพระเยซูเจ้า และช่วยเหลือผู้คนในด้านชีวิตฝ่ายกายและฝ่ายจิต
นักบุญกัสปาร์ แบร์โทนี่ ดำเนินชีวิตในการที่จะสั่งสอน แนะนำ และให้ทุกคนรู้ว่าจุดหมายที่แท้จริงของชีวิต คือ การเป็นผู้รับใช้พระผู้เป็นเจ้า มีความเชื่อศรัทธา ด้วยความรักและเมตตา อีกทั้งยังเป็นบุคคลที่โอบอ้อมอารี เป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ เปี่ยมด้วยความรัก เมตตา และอ่อนโยนดุจดังบิดาที่มีต่อบุตร ไม่แบ่งแยกชนชั้น เชื้อชาติ ศาสนา และเพศ เปิดโอกาสทางการศึกษาอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่บุคคลทั่วไป จนถึง ผู้ที่ยากไร้ ให้มีโอกาสได้รับการอบรมทางการศึกษา จนสามารถนำความรู้ที่ได้รับมาใช้เลี้ยงชีพ และช่วยเหลือสังคม
เพื่อให้ปณิธานที่แน่วแน่ของท่านนักบุญกัสปาร์ แบร์โทนี่ ได้กระจายออกสู่สังคมในวงกว้าง ทางคณะรอยแผลศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเยซูคริสตเจ้า จึงได้มีการก่อตั้งโรงเรียนขึ้นหลายแห่ง เพื่อถ่ายทอดปณิธานที่แน่วแน่นี้ ได้หลอมทุกอุดมการณ์ ทุกความมุ่งมั่น อยู่ในรูปแบบการศึกษาที่ปลูกฝังให้นักเรียนมี จิตตารมณ์ตามแบบนักบุญกัสปาร์ แบร์โทนี่ และคุณค่าแห่งพระวรสาร เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม จริยธรรม โดยทางคณะบาทหลวงนิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมี ฯพณฯ สังฆราช เปโตร คาเร็ตโต ประมุขมิสซัง ได้ดำเนินการก่อตั้งโรงเรียนดาวรุ่งวิทยา เพื่ออบรมสั่งสอนให้ความรู้และการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนลูกหลานของจังหวัดภูเก็ตและเขตใกล้เคียง เป็นสถาบันการศึกษาคาทอลิกแห่งแรกในจังหวัดภูเก็ต ทุกคนในสถาบันนี้ได้ทำหน้าที่ของตนด้วยความเชื่อมั่นและความรักในพันธกิจสำคัญในการอบรมเยาวชนให้มีความรู้ ควบคู่กับคุณธรรม ก่อเกิดเป็นเอกลักษณ์ของโรงเรียน ที่เป็นแนวทางในการจัดการศึกษา ตามแบบการจัดการศึกษาคาทอลิกอย่างเป็นรูปธรรม และจากความเป็นมาในเบื้องต้น จึงประมวลเอกลักษณ์ของโรงเรียนดาวรุ่งวิทยา ได้ดังนี้
1. โรงเรียนดาวรุ่งวิทยา เป็นโรงเรียนคาทอลิกในสังกัด คณะรอยแผลศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเยซูคริสตเจ้า ผู้ยึดมั่นในการดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระเยซูเจ้า
2. ยึดหลักตามแนววิถีชีวิตของนักบุญกัสปาร์ แบร์โทนี่ ได้แก่
2.1 การสร้างบรรยากาศการจัดการศึกษาแบบคาทอลิก ตามจิตตารมณ์นักบัญกัสปาร์ แบร์โทนี่ และคุณค่าพระวรสาร
2.2 ดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง ไม่ฟุ่มเฟือย ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
2.3 มีความรัก ความเมตตา อ่อนน้อม ถ่อมตน เป็นผู้รับใช้ที่ดีตามแบบอย่างพระเยซูเจ้า
2.4 การเป็นผู้นำและเป็นนักปกครองที่ดี ด้วยความซื่อสัตย์ มีคุณธรม จริยธรรม
3. จัดกระบวนการเรียนการสอน โดยมีการสอดแทรกคุณค่าพระวรสาร
4. ปลูกฝังมารยาทที่ดีงาม ตามวัฒนธรรมและขนบรธรมเนียมประเพณี อันเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม
5. อยู่ร่วมกับสังคมและชุมชนอย่างเป็นมิตร และได้รับการยอมรับจากบุคคลภายนอก
จากปณิธานและอุดมการณ์ที่แน่วแน่ในการดำเนินชีวิตของนักบุญกัสปาร์ แบร์โทนี่ และนักบุญในคณะรอยแผลศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเยซูคริสตเจ้า โรงเรียนดาวรุ่งวิทยาจึงได้กำหนดเป็นลักษณะสำหรับนักเรียนหรืออัตลักษณ์ที่ต้องการให้นักเรียนเป็น หลังจากได้ผ่านการถ่ายทอดและผ่านกระบวนการเรียนรู้จากโรงเรียน ได้แก่ “รัก เมตตา ซื่อตรง รับใช้ พอเพียง” ดังนั้นเพื่อให้เกิดคุณลักษณะดังกล่าว “พวกเราทุกคน” ซึ่งหมายถึง ผู้บริหาร ครู นักเรียน ได้ร่วมกันแสวงหาโดยให้ความเคารพในตัวตนของแต่ละคน เคารพความคิดเห็นของทุกคน นำมาแบ่งปันเรียนรู้แก่กันและกัน บนพื้นฐานของความแตกต่างทางภูมิหลังและประวัติศาสตร์ในกรอบของการศึกษาทางวิชาการ และตระหนักดีว่า ความรู้มิได้มาจากการเรียนรู้ในห้องเรียนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มาจากประสบการณ์ตรงด้วย ทางโรงเรียนจึงได้ร่วมกันวางแผนการจัดกิจกรรมต่าง ๆ อาทิเช่น “ดาวรุ่งปันรัก” เพื่อให้นักเรียนรู้และปฏิบัติ เพื่อก่อให้เกิดเป็นอัตลักษณ์ของนักเรียน นอกจากนี้นักเรียนได้เรียนรู้จากบุคคลภายนอก องค์กร และจากสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ก่อเกิดเป็นองค์ความรู้ที่หลากหลาย และนำองค์ความรู้ที่ได้เผยแพร่ให้ภายนอกได้รู้ อีกทั้งมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้แก่กันและกัน มีทั้งการให้และการรับด้วยท่าทีแห่งความเคารพและจากข้อมูลประสบการณ์ที่หลากหลายที่ผ่านการแสวงหา โรงเรียนได้วิเคราะห์ วางแผนในการพัฒนานักเรียน และบุคลากร โดย มีแผนปฏิบัติการแผนงาน โครงการ กิจกรรม และการกำกับติดตามประเมินผลอย่างชัดเจน และต่อเนื่อง ทำให้เกิดเป็นรูปแบบการศึกษาที่ไม่มีวันสิ้นสุด และเมื่อทำซ้ำ ๆ พบว่า เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายในที่ตัวนักเรียน นั่นหมายความว่าตัวนักเรียนมีคุณลักษณะที่คาดหวังคือ รัก เมตตา ซื่อตรง รับใช้ พอเพียง หรือเกิดเป็น อัตลักษณ์ของนักเรียนดาวรุ่งวิทยานั่นเอง และจากอัตลักษณ์ที่ก่อเกิดนี้นักเรียนจะเป็นบุคคลที่เป็นคนดีเพื่อพร้อมด้วยความดีงาม มีความความสามารถและเป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรม เป็นบุคคลที่บำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม มีกิริยามารยาทสมศักดิ์ศรีของการเป็นนักเรียนโรงเรียนดาวรุ่งวิทยา โดยมีคุณลักษณะในความเป็นผู้นำ ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ด้วยความซื่อสัตย์และยุติธรรม มีวินัยและรับผิดชอบ ยึดมั่นและศรัทธาในหลักธรรมทางศาสนา ด้วยความรัก รู้จักให้อภัย ให้เกียรติและเคารพผู้อื่น มีความกตัญญูกตเวที มีจิตอาสา ช่วยเหลือสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่โรงเรียนกำหนดให้เกิดขึ้นกับนักเรียนทุกคนอย่างยั่งยืน
อัตลักษณ์ของโรงเรียน
อัตลักษณ์ของนักเรียนโรงเรียนดาวรุ่งวิทยาตามคุณค่าพระวรสาร (Gosple Value)
“รัก เมตตา ซื่อสัตย์ รับใช้ พอเพียง”
จากอุดมการณ์ที่แน่วแน่ของผู้ก่อตั้งโรงเรียน ที่พัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ยั่งยืน ก่อเกิดเป็น อัตลักษณ์ของนักเรียนดาวรุ่งวิทยาที่โดดเด่น โดยโรงเรียนดาวรุ่งวิทยามีเป้าหมายที่จะให้นักเรียนและบุคลากรมีลักษณะ ดังนี้
1. ความรัก (love) พระเยซูสอนให้มีความรักแท้ ความรักที่สูงส่งกว่าความรักใคร่ ความรักไม่เห็นแก่ตัว ไม่หวังสิ่งตอบแทน ความรักที่มอบแก่ทุกคน ความรักที่เอาชนะอารมณ์ความรู้สึกของตน จนกระทั่งสามารถรักแม้แต่คนที่เป็นอริกับเรา (มธ 5:43-45) หลักปฏิบัติพื้นฐานของการแสดงความรักคือ “ปฏิบัติต่อผู้อื่นดังที่เราอยากให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อเรา” (มธ 22:39) หลักปฏิบัติขั้นสูงของการแสดงความรักคือ “รักกันและกันเหมือนที่พระเจ้าทรงรักเรา” (ยน 15:12) ความรักเป็นคุณค่าที่สำคัญที่สุด เป็นจุดมุ่งหมายของคุณค่าพระวรสารอื่นๆ ทั้งหมด
2. เมตตา (compassion) พระเยซูเจริญชีวิตที่เป็นแบบอย่างของความเมตตา พระองค์เมตตาต่อทุกคน คนเจ็บป่วย (มธ 20:34) คนตกทุกข์ได้ยาก (ลก 7:13) และคนด้อยโอกาส (มธ 9:36) พระองค์ร่วมทุกข์กับคนที่มีความทุกข์ เข้าถึงความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่น (ยน .๑๑:๓๓) พระองค์สอนเราให้รู้จักพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาผู้เมตตา (ลก 15:20) และสอนให้เราเป็นผู้เมตตาเหมือนพระบิดาทรงเป็น ผู้เมตตา (ลก 6:36) พระองค์เล่านิทานเปรียบเทียบที่น่าฟังเรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจเมตตา (ลก 10:33)
3. ความซื่อสัตย์ (honesty) พระเยซูคาดหวังให้เราเป็น “มนุษย์ใหม่” (ยน 1:13) มนุษย์ที่ซื่อตรง (มธ 5:37) ชอบธรรม (ยน 1:47) ประพฤติชอบในสายพระเนตรของพระเจ้า (ลก 16:15) ดำรงตนอยู่ในศีลธรรม ไม่หน้าซื่อใจคด (มธ 23:13-15) ไม่คดโกงหรือเบียดเบียนผู้อื่น (มธ 15:8; 23:13-15) ผู้ซื่อตรงต้องเริ่มจากการซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กน้อย (ลก 16:30) ผู้ซื่อตรงจะเกิดผลมากมาย (ลก 8:15)
4. การรับใช้ (service) พระเยซูเสด็จมาในโลกเพื่อมารับใช้ มิใช่มาเพื่อได้รับการรับใช้ พระองค์สอนสานุศิษย์ว่าพระองค์ผู้เป็นพระเจ้ายังรับใช้พวกเขา (ยน 13:14) ดังนั้นพวกเขาต้องรับใช้ผู้อื่นเช่นเดียวกัน ผู้ใหญ่กว่าจะต้องรับใช้ผู้น้อยกว่า (ลก 22:26)
5. ความเรียบง่าย / ความพอเพียง (simplicity/sufficiency) พระเยซูเจริญชีวิตที่เรียบง่าย คลุกคลีกับประชาชนคนสามัญ ทุกคนเข้าหาพระองค์ได้แม้แต่เด็กๆ (ลก 18:16) พระองค์สอนเรามิให้กังวลใจในเครื่องแต่งกาย ในอาหารการกิน เพราะพระเจ้าดูแลชีวิตของเราทุกคน (ลก 12:24-27) (มธ 6:32) สุนัขจิ้งจอกยังมีโพรง และนกในอากาศยังมีรัง แต่พระองค์ไม่มีที่ที่จะวางศีรษะ (มธ 8:20)
ปรัชญาของโรงเรียน
มนุมย์มีความต้องการพัฒนาอย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งทางด้านความรู้ คุณธรรมจริยะรรม และความเป็นอยู่ในสังคมรอบข้าง เพราะฉะนั้นในการให้การศึกษาอบรมจึงควรเน้นให้นักเรียนมีความรู้คู่คุณธรรม จึงสามารถพัฒนามนุษย์ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เป็นผู้รู้จักรับผิดชอบต่อสังคมและสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุข ซึ่งสรุปไว้เป็นปรัชญาการศึกาาของโรงเรียนดาวรุ่งว่า
"พัฒนาความรู้ เชิดชูคุณธรรม กิจกรรมพร้อมมูล เกื้อกูลชุมชน"
วิสัยทัศน์ของโรงเรียน
คุณธรรม จรยธรรมเด่น วิชาการได้มาตรฐาน มีทักษะทางเทคโนโลยี และทักษะชีวิตในบรรยากาศแห่งความรัก ความเมตตา
พันธกิจของโรงเรียน
1. พัฒนาโรงเรียนให้มีเอกลักษณ์ความเป็นโรงเรียนคาทอลิก ผู้บริหาร ครู นักเรียน มีคุณธรรม จริยธรรม ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความรัก ความเมตตาและความเสียสละ
2. จัดการศึกาาให้สอดคล้องกับนโยบายระดับชาติ กระทรวง เขตพื้นที่การศึกาา และโรงเรียน
3. พัฒนาโรงเรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา
4. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ พัฒนาและส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม และสร้างสรรค์
5. พัฒนาสภาพแวดล้อม เสริมสร้างบรรยากาศที่เอื้ดต่อการเรียนรู้
6. ส่งเสริมและปลูกฝังให้ครู นักเรียน เห็นคุณค่าและร่วมอนุรักษ์สืบสานประเพณี วัฒนธรรมไทย
7. เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างโรงเรียนกับชุมชน สนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
ด้านนนักเรียน
มีคุณธรรม จริยธรรม มีวิถีชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา สามารถใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมและสร้างสรรค์ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตระหนักในคุณค่าและสืบสานประเพณี วัฒนธรรมไทย เคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น และยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ด้านครู
มีคุณธรรม จริยธรรม เป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตน มีความรู้ความเข้าใจในเป้าหมายคุณภาพนักเรียนตามหลักสูตร สามารถจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ใช้สือเทคโนโลยีพัฒนาตนเอง จัดกิจกรรมการเรียนรู้ จัดทำวิจัยชั้นเรียน เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนานักเรียน
ด้านโรงเรียน
ปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่อย่างประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผล ส่งเสริมให้คณะกรรการบริหารสถานศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชน มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา จัดสภาพแวดล้อมและการบริการที่ส่งเสริมให้ครู นักเรียน ได้พัฒนาเต็มศักยภาพ จัดระบบการประกันคุณภาพภายใน ส่งเสริมให้สถานศึกาาเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้